บทที่ 5 นึกแค้นใจ
ดวงตากลมโตถลึงมองเขาพร้อมแยกเขี้ยวขู่
“ใช่ จมูกนี้เหมือนแม่หมูตัวอ้วนพีก็มิปาน มันใหญ่โตน่าเกลียด และรูทั้งสองข้างประหนึ่งมันจะสูดร่างกายข้าเข้าไปในตัวเจ้า อัปลักษณ์สิ้นดี!”
ฟ่านรั่วเจี๋ยขุ่นเคืองจัด จึงพ่นลมหายใจแรงๆ ใส่หน้าเขา ชายหนุ่มพลันกระโดดโหยงหลบทันที
“บังอาจ! การกระทำของเจ้าน่าขนลุกโดยแท้!”
“รังเกียจโฉมงามเช่นข้าถึงเพียงนี้หรือ ชินอ๋องแห่งต้าหลาง”
“ถูกต้อง เจ้าถอยห่างข้าสักสองวาเดี๋ยวนี้!” คนที่ถูกขนานนามว่าเป็นปีศาจสงครามตวาดใส่ฟ่านรั่วเจี๋ย
หญิงสาวทำตาพองใส่คนตัวโต และยอมถอยหลังไปสองก้าว
“ตอนนี้ข้ากำลังต่อรองท่านอยู่ บุรุษแห่งต้าหลาง”
“ฮึ ต่อรองข้า เจ้าช่างโอหัง ปากพล่อยเช่นนี้ ข้าสมควรสั่งโบยสักร้อยไม้!” ชายหนุ่มโกรธจนใบหน้าหล่อเหลากระตุกรุนแรง เขาขบกรามแน่นอารมณ์นั้นเดือดดาลจัด
ดวงตาคมกริบมองสตรีตรงหน้า แม้นางจะดูผิดแผกจากผู้คนทั่วไปทว่ากลิ่นกายสาวและเลือดเนื้อที่ส่งไออุ่นมาได้สร้างความรัญจวนให้แก่เขาอย่างประหลาด หรือจะเป็นนางผู้นี้ที่มารดาอยากให้เขาตามหา
“อ๋องชิงซาน...สตรีเช่นข้ามีหน้าที่ส่งข่าวเพียงเท่านี้ หากต้องการรักษาชีวิตคน จงถอยทัพออกไปหนึ่งร้อยลี้ เช่นนั้นข้าจะส่งคืนชายผู้นั้นแก่ท่าน”
มู่ชิงซานคาดไม่ถึงว่าจะได้ยินคำพูดที่กล้าล่วงเกินตน และนางยังจงใจพ่นลมหายใจประหลาดออกมาจากจมูกใหญ่โตไม่หยุด ซึ่งไม่แน่ว่ามันอาจมีพิษร้ายซ่อนอยู่
“หากอดีตฮ่องเต้แคว้นหมิงแสดงความกล้าหาญได้สักเสี้ยวหนึ่งของเจ้า ข้าคงมีสิ่งให้กระทำมากกว่านี้”
หญิงสาวโกรธเหลือเกิน หากปั้นสีหน้าเรียบเฉยด้วยไม่อยากให้เขาเห็นถึงความกลัวและอ่อนแอ
“แล้วเจ้าจะเสนอสิ่งใดเป็นข้อแลกเปลี่ยนกับเจ้าของป้ายหยกนี้”
ฟ่านรั่วเจี๋ยอมยิ้มน้อยๆ ดวงตาคู่สวยหวานเกิดประกายขึ้น
“ถอยทัพของท่านออกไปหนึ่งร้อยลี้ และข้าจะส่งบุรุษรูปงามคืน” นางย้ำคำเดิมด้วยเสียงหนักแน่น
“ข้าจะรู้ได้เยี่ยงไรว่าเจ้าไม่เล่นกลอันใด มารยาหญิงเชื่อถือได้หรือ โดยเฉพาะสตรีที่มีรูปโฉมเยี่ยงตัวประหลาด”
ฟ่านรั่วเจี๋ยใช้เวลาตรองอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนเอ่ยอย่างชัดถ้อยชัดคำ “ความบริสุทธิ์ของข้า คือข้อยืนยันว่าคำพูดทั้งหมดนี้เชื่อถือได้”
ดวงตาคมกริบหรี่มองสตรีตรงหน้า
“ฮ่าๆ เจ้ากำลังล้อข้าเล่น” ชายหนุ่มหัวเราะด้วยเสียงน่าเกลียด
“เปล่าเลย...ความบริสุทธิ์ของข้ามีไว้ให้สำหรับผู้ชายที่คู่ควร” นางยังย้ำด้วยถ้อยคำเดิม
“ฮ่าๆ ฉะนั้นข้ามิบังอาจพรากมันมาจากเจ้าหรอก มิมีวัน” เขากล่าวด้วยเสียงหนักแน่น แจ้งเจตนาตน
“ข้าจะจดจำถ้อยคำนี้ไว้ เมื่อใดที่ท่านคืนคำ สตรีแซ่ฟ่าน...จะทำให้ท่านกระอักออกมาเป็นเลือด!” เมื่อนางเอ่ยจบจึงเตรียมผละจากเขา
“เจ้าคิดว่าจะไปจากข้าได้ง่ายๆ เยี่ยงนั้นรึ”
ฟ่านรั่วเจี๋ยอมยิ้มน้อยๆ จากนั้นจึงชี้ให้เขามองด้านหลัง ยามนั้นมีควันไฟลอยขึ้น ต่อมามีเสียงเป่าเขากวางส่งสัญญาณเตือนภัยของทัพต้าหลาง
“จงอย่าลืมถอยทัพของท่านออกไปหนึ่งร้อยลี้ แล้วจะได้บุรุษผู้นั้นกลับคืน”
มู่ชิงซานมองหน้าหญิงสาวอีกครั้งอย่างพินิจ สตรีแซ่ฟ่านผู้นี้สร้างความฉงนแกมขวัญลุกให้เขาโดยแท้ อีกทั้งยังมีใจกล้าที่โยนเงื่อนไขให้เขาถอยทัพห่างจากกำแพงแคว้นหมิง
“เจ้ามั่นใจในสิ่งที่กล่าวออกมาเพียงใด”
“ชินอ๋อง คำพูดนี้สามารถพิสูจน์ด้วยความบริสุทธิ์ของฟ่านรั่วเจี๋ย”นางเอ่ยอย่างเป็นปริศนา และครานี้มู่ชิงซานไม่นึกขำสักนิด
หญิงสาวลูบหน้าอกตนเองไปมา อีกทั้งพยายามเรียกขวัญของตนเองกลับคืน เมื่อครู่นางตื่นเต้นจนแทบควบคุมสติไม่ได้ อีกทั้งกลัวเหลือเกิน ทว่าจะให้ทำเช่นไร ในเมื่อคนที่อยากพบหน้ากลับไม่พบ แต่ศัตรูที่อยากตัดศีรษะเอาเลือดชั่วๆ มาล้างเท้าจู่ๆ ก็ปรากฏตัวโดยมิได้คาดคิดมาก่อน บุรุษแซ่มู่และนางได้เผชิญหน้าเขาแล้ว เช่นนี้นับว่าไม่เสียชาติเกิด!!
ฟ่านรั่วเจี๋ยก้าวเข้าไปในซอกหินเล็กๆ นางวิ่งลัดเลาะไปอย่างรวดเร็วกระนั้นในหัวยังเห็นใบหน้าของปีศาจกระหายสงครามฉายซ้ำไปมา ชายผู้นั้นถูกขนานนามว่าเป็นหมาป่ารัตติกาล เขาสูบกินเลือดมนุษย์ เรือนกายสูงใหญ่กว่าคนธรรมดา แต่ทว่าตัวจริงๆ ของเขายามหายใจรินรดกันกลับไม่ได้ดูน่ากลัวหรือชวนให้ขวัญหนีดีฝ่อสักเท่าไร อีกทั้งรูปงามมาก มากเสียจนนางรู้สึกร้อนวูบวาบบริเวณท้องน้อย
ชายผู้นี้คือมู่ชิงซานจริงหรือ ไฉนเขาถึงได้งามจนน่าหลงใหล นางรำพึงรำพันในใจ พลางพยายามเตือนสติตนเองมิให้เผลอไผลไปกับกลิ่นอายบุรุษ!แถมเป็นบุรุษชั่วใจโฉดที่คิดจะรุกรานแผ่นดินผู้อื่น
สองขาของนางก้าวไปได้อีกเล็กน้อยจึงพบกับกองกำลังของเกาเจียว-หั่ว หนุ่มวัยฉกรรจ์ที่ตั้งแต่เกิดมานางก็เรียกเขาว่า ‘พี่หั่ว’ และชอบเล่นสนุกกับเขาเรื่อยมา ด้วยชายหนุ่มเป็นลูกของอำมาตย์เกา ซึ่งสมัยก่อนได้ให้ความช่วยเหลือมารดาฟ่านรั่วเจี๋ยอยู่เนืองๆ กระทั่งฝ่ายนั้นสิ้นลมหายใจไปแล้วเขายังยื่นมือมาดูแลสตรีผู้อับโชคคนนี้ด้วยความมีเมตตา
เมื่อเข้าไปใกล้กองกำลังเกาเจียวหั่ว นางจึงใช้ผ้าผืนหนึ่งพันใบหน้าครึ่งล่างเอาไว้เพื่ออำพรางผู้อื่น น้อยคนนักที่จะไม่ตกใจเมื่อเห็นจมูกของนาง อีกทั้งรูจมูกเมื่อมองแล้วก็สร้างเสียงหัวเราะขบขัน ซึ่งมิผิดหรอกหากใครจะล้อเลียนนางว่า ‘แม่หมู’ คิดถึงคำพูดนั้นแล้ว ฟ่านรั่วเจี๋ยก็นึกแค้นใจต่อคนแซ่มู่!!
